วิเคราะห์สาเหตุทำไม เอ็นโซ่-ไกเซโด้ ยังไม่ฉายแสงสมราคากับ เชลซี - OPINION

By Artist Cheamcharoenpornkul

เมื่อปีที่แล้ว เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ และ มอยเซส ไกเซโด้ คือสองมิดฟิลด์สายเลือดใหม่ที่หลายทีมต้องการคว้าตัวไปครอบครองด้วยผลงานอันโดดเด่นของทั้งคู่ในการลงเล่นฟุตบอลระดับท็อป รายแรก เชลซี ลงทุนสู่ขอมาร่วมทีมได้สำเร็จในช่วงตลาดหน้าหนาวฤดูกาล 2022/23 ก่อนที่ในช่วงตลาดหน้าร้อนที่ผ่านมาจะทุ่มเงินกว่า 115 ล้านปอนด์ปาดหน้า ลิเวอร์พูล คว้าตัว ไกเซโด มาได้อีกคน ทำให้ก่อนที่ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลปัจจุบันจะเริ่มต้นขึ้น หลายคนวิเคราะห์ว่าคู่กลางคู่นี้จะประสานงานกันได้อย่างแข็งแกร่ง และจะนำพาความสำเร็จมาสู่ เชลซี ได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเมื่อมองถึงความเป็นจริงในปัจจุบัน ฟอร์มการเล่นร่วมกันของทั้งคู่กลับไม่เข้าตาเท่าที่ควร ส่งผลให้ทีม สิงห์บลูส์ จมอยู่กลางตารางคะแนนเป็นเวลาพักใหญ่ ก่อนจะขยับขึ้นมาจบที่อันดับ 6 ได้ในตอนท้าย ซึ่งการขยับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่บอลยุโรป หลายคนมองว่าเป็นผลจากการหายไปของกองกลางชาว อาร์เจนติน่า อีกด้วย

Chelsea v Liverpool - Carabao Cup Final | Visionhaus/GettyImages

ฟอร์มการเล่นที่ตกลงของ "เอ็นโซ่" และอาการบาดเจ็บเรื้อรัง

มิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลกวัย 23 ปีย้ายเข้ามาร่วมทัพ เชลซี เมื่อช่วงตลาดหน้าหนาวของฤดูกาล 2022/23 โดยการเข้ามาของเจ้าตัวช่วยยกระดับแผงกองกลาง เชลซี ให้มีความน่ากลัวมากขึ้น แม้จะทำไปได้เพียง 2 แอสซิสต์ในฤดูกาลนั้น แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงทักษะการวางบอลยาวตัดแนวรับคู่แข่งที่ไม่ธรรมดา จนแฟนบอล เชลซี ยอมรับว่าเขาคือ "เดอะแบก" ของทีมในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของซีซันที่แล้ว

ต่อมาในเกมเปิดฤดูกาล 2023/24 เอ็นโซ่ ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมเปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล ไป 1-1 ซึ่งเขาทำหน้าที่บัญชาการเกมรุกดวลกับบรรดาเหล่ามิดฟิลด์ทัพ หงส์แดง ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ฟอร์มของ เอ็นโซ่ ก็เริ่มตกลงไปอย่างผิดหูผิดตา บอลยาวที่เคยอันตรายกลับเชื่อถือไม่ได้เหมือนปีก่อน ส่วนสถิติเกมรับก็แย่เอามาก ๆ หลายคนเริ่มสังเกตว่านี่ไม่ใช่ เอ็นโซ่ คนเดิม ซึ่งเขาเองก็ยอมรับถึงฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไป

ผมรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆในทุกวันนะ แต่ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมยังคงปรับตัวอยู่ และก็ยังไม่ได้รู้สึกเป็นตัวเองเท่าไร แต่ผมก็พยายามอย่างหนักทุกวันเพื่อที่จะไปถึงจุดนั้นให้ได้เร็วที่สุด

จนกระทั่งเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา เชลซี เปิดเผยว่า เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ เข้ารับการผ่าตัดอาการ ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ ส่งผลให้เขาต้องพักยาวจนจบซีซัน โดยตัวนักเตะเองก็ออกมายอมรับว่าฝืนลงเล่นโดยที่มีอาการบาดเจ็บมาหลายเดือนแล้ว จนกระทั่งเริ่มทนไม่ไหวก็ต้องยอมเข้ารับการรักษา ซึ่งหลายคนก็มองว่านี่คือเหตุผลที่ทำให้การเล่นของ เอ็นโซ่ ไม่ละเอียดเหมือนช่วงแรก

Manchester City v Chelsea - Emirates FA Cup Semi Final | Crystal Pix/MB Media/GettyImages

ปัญหาความฟิต และ อิสรภาพที่ถูกจำกัดของ ไกเซโด้

มอยเซส ไกเซโด้ มีสถิติเกมรับที่ดีมาก ๆ สมัยที่เขาเล่นให้กับ ไบรท์ตัน โดยเขาช่วยให้ ทีมนกนางนวล เก็บไปได้ถึง 62 แต้มในซีซันที่ผ่านมา ส่งผลให้ ไบรท์ตัน จบที่ 6 ของตาราง ได้ไปเล่นบอลยุโรป ด้วยเหตุนี้ เชลซี จึงทุ่มเงินกว่า 115 ล้านปอนด์ดึงเขาเข้ามาร่วมทัพ

ปัญหาของ ไกเซโด้ ไม่ใช่เรื่องของอาการบาดเจ็บ แต่จะเป็นในช่วงแรกของฤดูกาลที่เขาไม่ฟิตพอที่จะยืนเป็นกำลังหลักให้ เชลซี ได้ เนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้ลงเล่น ปรีซีซัน กับ เชลซี เพราะการย้ายทีมล่าช้า ซึ่งกว่าเจ้าตัวจะปรับจูนเข้ากับสไตล์ฟุตบอลของต้นสังกัดใหม่ได้ก็ใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ ๆ รวมถึงบทบาทของเขาที่ถูกลดทอนลงไปให้เล่นแต่เกมรับเป็นส่วนใหญ่

จุดที่น่าสังเกตคือเมื่อ ไกเซโด้ ลงเล่นคู่กับ เอ็นโซ่ ในบทบาทกองกลางตัวรับคู่ ไกเซโด้ จะถูกวางให้ยืนต่ำและคอยปัดกวาดเกมรับ หลังจากแย่งบอลคืนมาได้ สิ่งที่เขาต้องทำคือส่งบอลให้คู่หูชาว อาร์เจนติน่า หรือ ตัวรุกคนอื่น ๆ ทำเกมต่อไป น้อยครั้งที่ ไกเซโด้ จะได้รับอนุญาตให้พาบอลขึ้นไปในพื้นที่สุดท้ายของคู่ต่อสู้หรือพยายามวางบอลทะลุแนวรับเหมือนตอนที่เขาเล่นอยู่กับ ไบร์ทตัน และเมื่อความสามารถในการทำเกมของ เอ็นโซ่ ไม่เฉียบคมมากพอ ไกเซโด้ ก็ทำได้เพียงแต่วิ่งแย่งบอลครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพื่่อให้คู่ต่อสู้โจมตีสวนมาอีกเท่านั้น

เมื่อ เอ็นโซ่ เข้ารับการรักษาตัว ไกเซโด้ ได้รับอิสระในการทำเกมรุกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สถิติฮีทแมพ โชว์ให้เห็นว่า ไกเซโด้ วิ่งเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้มากขึ้น ทั้งการขึ้นไปตัดบอลสูงในแดนฝ่ายตรงข้าม รวมถึงการพาบอลขึ้นไปด้วยตนเอง โดยที่มีคู่หูใหม่อย่าง คอเนอร์ กัลลาเกอร์ คอยสลับกันป้องกันเมื่อเพื่อนร่วมทีมดันสูงขึ้นไป ซึ่งดูแล้วลงตัวและดึงศักยภาพของ ไกเซโด้ ออกมาได้ดีกว่าตอนที่เขาเล่นคู่กับ เอ็นโซ่

Chelsea FC v Crystal Palace - Premier League | Visionhaus/GettyImages

ความเหนื่อยล้า และ อาการบาดเจ็บของเพื่อนร่วมทีม

แน่นอนว่า เชลซี วางให้ เอ็นโซ่-ไกเซโด้ เล่นร่วมกันเป็นตัวจริงกลางสนาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟุตบอลสมัยใหม่ที่อัดแน่นไปด้วยการแข่งขันหลายรายการ ย่อมต้องมีช่วงเวลาทีกำลังหลักของทีมต้องได้รับการพักฟื้นร่างกายจากการลงเล่น ซึ่ง เชลซี คิดมาแล้วว่า คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ โรเมโอ ลาเวีย คือตัวแทนเมื่อสองมิดฟิลด์สายเลือดอเมริกาใต้จำเป็นต้องพัก แต่เมื่อ ลาเวีย บาดเจ็บยาวทั้งซีซัน แปลว่า เอ็นโซ่-ไกเซโด้ ต้องลงเล่นหนักกว่าที่คิด

รวมถึงโปรแกรมฟุตบอลทีมชาติ ที่ทั้ง เอ็นโซ่ และ ไกเซโด้ ต้องเดินทางข้ามทวีปกลับไปรับใช้ประเทศบ้านเกิดของตนเองไกลกว่าเหล่าบรรดานักเตะในยุโรป ซึ่งการเดินทางบนเครื่องบินเป็นเวลานานส่งผลต่อสภาพร่างกายของนักเตะทั้งสองอย่างชัดเจน และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตกุนซือทีม สิงห์บลูส์ ก็เคยออกมาบ่นเรื่องนี้

มันเป็นเรื่องที่บ้านะที่นักเตะเดินทางกลับมาจากอเมริกาใต้ในวันพุธ และต้องลงเล่นในวันเสาร์. แต่ถ้าผมบอกว่าโอเค ผมจะพักพวกเขา พวกคุณต้องด่าผมแน่ที่ไม่ให้พวกเขาเล่น แน่นอนว่าเจ้าของทีมก็จะว่าผมด้วย !

แม้ เชลซี จะมีขุมกำลังผู้เล่นที่มากมาย แต่ในความเป็นจริงคือผู้เล่นส่วนมากอายุยังน้อยและยังไม่พร้อมลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก เหล่าบรรดามิดฟิลด์ดาวรุ่งไม่ว่าจะเป็น เลสลีย์ อูโกชุควู หรือ เซซาเร คาซาเด ก็ยังกระดูกไม่แข็งพอจะฝากฝังแดนกลางของทีมไว้ได้ ดังนั้น "พอช" จึงไม่มีทางเลือกนอกจากฝืนใช้ เอ็นโซ่ และ ไกเซโด้ คุมแดนกลางโดยที่สภาพร่างกายของพวกเขาเหนื่อยเต็มทน ผลเสียคือพวกเขารีดศักยภาพของตนเองออกมาได้ไม่เต็มที่

Aston Villa v Chelsea - Emirates FA Cup Fourth Round Replay | Visionhaus/GettyImages

ในฤดูกาลหน้า ไม่ว่ากุนซือของทีม สิงห์บลูส์ จะเป็นใครก็ตาม โจทย์ยากที่ต้องเผชิญคือทำยังไงก็ได้ให้คู่หู เอ็นโซ่-ไกเซโด้ เล่นคู่กันได้อย่างกลมกล่อม ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอาการ "รักพี่เสียดายน้อง" เพราะในขณะที่อีกคนโลดแล่นอยู่บนสนาม อีกคนจำเป็นจะต้องนั่งอยู่บนม้านั่งสำรองรอคอยโอกาส และมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากหนึ่งในนักเตะระดับค่าตัวมหาศาลทำได้เพียงนั่งมองเพื่อนร่วมทีมเล่นอยู่ข้างสนามเท่านั้น


อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทีม เชลซี ได้ที่นี่


ต้นฉบับของบทความนี้เผยแพร่ภายใต้ 90min.com/TH ที่ชื่อ วิเคราะห์สาเหตุทำไม เอ็นโซ่-ไกเซโด้ ยังไม่ฉายแสงสมราคากับ เชลซี - OPINION.