By Artist Cheamcharoenpornkul
ระดับพลังต่างกัน
แม้ในเกมอุ่นเครื่อง 2 นัดล่าสุด แกเร็ธ เซาธ์เกต จะเลือกใช้นักเตะเกือบครบทุกคนลงสนาม แต่เมื่อนัดเปิดสนาม ยูโร 2024 มาถึง กุนซือชาว อังกฤษ ก็เลือกส่ง 11 ผู้เล่นตัวจริงที่แข็งแกร่งที่สุดลงเล่นตามสไตล์กุนซือผู้มีความระมัดระวังสูง ซึ่งเทียบตัวผู้เล่นระหว่างทีมชาติ อังกฤษ และ เซอร์เบีย ก็จะพบว่าทัพ สิงโตคำราม ดูเหนือชั้นกว่าหลายขุม ส่งผลให้ เซอร์เบีย จำเป็นและจำใจต้องเปิดเกมมาด้วยการลงไปรับแบบเต็มสูบ และแม้จะพยายามแย่งบอลกลับมาเท่าไร แต่ในเมื่อขึ้นเกมรุกจากทางด้านข้างที่เป็นสไตล์เก่งของพวกเขาไม่สำเร็จ ต่อให้มียอดกองหน้าอย่าง ดูซาน วลาโฮวิช และ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช เล่นร่วมกันก็ไม่อาจทำให้แนวรับของ อังกฤษ ระคายเคืองได้แม้แต่นิด รวมถึง เซอร์เบีย ยังเสียผู้เล่นตัวเก่งอย่าง ฟิลิป คอสติช ไปในช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ทำให้พวกเขายิ่งไร้พิษสงเข้าไปใหญ่ ถ้าไม่นับรวมจังหวะที่แนวรับ อังกฤษ เล่นพลาดกันเอง เซอรเบีย แทบจะไม่มีโอกาสได้สับไกยิง
จู๊ด เบลลิ่งแฮม หัวใจหลักของทีมชาติ อังกฤษ ชุดนี้
จู๊ด เบลลิ่งแฮม ตอบทุกคำถามว่าทำไมเขาถึงได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวขับเคลื่อนเกมคนสำคัญของทั้ง เรอัล มาดริด และ ทีมชาติ อังกฤษ ด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น เพราะเจ้าหนุ่มคนนี้ฝีเท้าเก่งเกินอายุไปมากโข ไม่ว่าจะทั้งเกมรุก เกมรับ การอ่านเกม การผ่านบอล การเคลื่อนที่ จู๊ด ทำได้สมบูรณ์แบบไปเสียหมด เขาเปลี่ยนทีมชาติ อังกฤษ ที่เล่นอย่างตะกุกตะกักในสองเกมก่อนหน้า ให้กลายมาเป็นความลื่นไหลในทุกจังหวะที่เขามีส่วนร่วมกับบอล การเคลื่อนเกมเปลี่ยนถ่ายบอลของ อังกฤษ ก็รวดเร็วขึ้นทันตาเห็น
จังหวะได้ประตูขึ้นนำแม้จะอาศัยโชคช่วยเล็กน้อยในการที่บอลจาก บูกาโย่ ซาก้า แฉลบกองหลัง เซอร์เบีย จนลอยโด่งกว่าที่ตั้งใจไว้ แต่การอ่านจังหวะอันยอดเยี่ยมของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ก็ทำให้เขาสอดตัวเข้ามาโหม่งบอลได้พอดิบพอดี จนกลายเป็นประตูโทนช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้สำเร็จ นอกจากนี้ จู๊ด ยังเรียกฟาล์วให้กับทีมได้มากที่สุดเป็นอันดับสองอีกด้วย (4ครั้ง)
สิ่งที่น่าประทับใจยังไม่หมดเพียงเท่านั้น หลังยิงประตูขึ้นนำได้สำเร็จ จู๊ด มีส่วนมากในการวิ่งลงมาช่วยเล่นเกมรับ โดยเจ้าตัวเข้าปะทะสำเร็จไปทั้งหมด 3 ครั้งซึ่งถือว่าเยอะที่สุดในทีมวันนี้ และยังมีหลายจังหวะกล้าโชว์ลีลาสวย ๆ ให้แฟนบอลได้เฮกันยกใหญ่ เรียกได้ว่านี่คือหัวจิตหัวใจหลักที่ตอนนี้ทีมชาติ อังกฤษ ขาดไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะในขณะที่เหล่านักเตะทัพ สิงโตคำราม ชอบต่างคนต่างเล่น จู๊ด คือกาวที่เข้ามาผสานจุดนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
คู่หูของ ดีแคลน ไรซ์
ก่อนเกม แกเร็ธ เซาธ์เกต ถูกตั้งคำถามมาหลายสัปดาห์ว่าใครจะเป็นคู่หูในแดนกลางของ ดีแคลน ไรซ์ ซึ่งเมื่อหวยเหมือนจะไปออกที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าดาวเตะจาก ลิเวอร์พูล ไม่น่าจะเล่นในตำแหน่งนั้นได้ดีสักเท่าไร แต่ในเกมล่าสุดกับ เซอร์เบีย เทรนต์ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาก็มีความสามารถมากพอจะคุมเกมในแดนกลางของสนามได้ ในวันนี้ เทรนต์ มีส่วนสำคัญกับประตูขึ้นนำ จากการอ่านเกมตัดบอลตรงกลางสนาม แล้วแทงต่อไปให้เพื่อนเล่นต่อโดยทันที ก่อนที่ จู๊ด เบลลิ่งแฮม จะเป็นคนจบสกอร์ได้สำเร็จ ดังนั้นถ้าเกมใน อังกฤษ ต้องการประตู การส่ง เทรนต์ ลงไปช่วยแพ็คเกมแดนกลางก็มีความไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เทรนต์ อาร์โนลด์ เหมาะที่จะยืนคู่กับ ดีแคลน ไรซ์ ไปตลอดทั้งทัวร์นาเม้นต์ เพราะในช่วงครึ่งหลังที่ เซอร์เบีย เริ่มครองบอลดันสูงสู้ขึ้นมาในแดนของ อังกฤษ เทรนต์ ก็ยังมีความลำบากในการช่วยปัดกวาดเกมรับให้เห็นอยู่บ้าง นี่ขนาดเจอกับทีมที่ชื่อชั้นห่างกัน เขายังเอาไม่ค่อยจะอยู่ แล้วถ้าไปเจอกับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เยอรมัน หรือ ฝรั่งเศส เทรนต์ น่าจะเหนื่อยอยู่ไม่น้อยเลยเชียว แกเร็ธ เซาธ์เกต จึงต้องเปลี่ยน คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ที่มีศักยภาพในการเล่นเกมรับมากกว่าลงมาแทน แล้วก็ได้ผลทันตาเห็นจริง ๆ กัลลาเกอร์ ที่ลงมาช่วยวิ่งฟัด ไล่บล็อคจังหวะขึ้นเกมของ เซอร์เบีย จน อังกฤษ ตั้งเกมของตัวเองได้อีกครั้ง
สิ่งที่เราได้เห็นในประเด็นนี้คือ แกเร็ธ เซาธ์เกต มีผู้เล่นในแดนกลางให้เลือกใช้ได้ครบทุกสถานการณ์ ซึ่งแน่นอนว่า เทรนต์ และ กัลลาเกอร์ ต่างเป็นผู้เล่นคนละสไตล์อย่างชัดเจน ยังไม่นับรวม ค็อบบี้ ไมนู ซึ่งก็เล่นต่างออกไปได้อีกแบบ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับกึ๋นของผู้จัดการทีมแล้วว่าเขาจะเลือกใช้คนได้เหมาะกับสถานการณ์มากน้อยขนาดไหน
ต้นฉบับของบทความนี้เผยแพร่ภายใต้ 90min.com/TH ที่ชื่อ เซอร์เบีย 0-1 อังกฤษ เก็บตกประเด็นหลังเกม ยูโร 2024 สิงโตคำราม คว้าสามแต้มรั้งจ่าฝูง.
