By Thanyathep Sangkapong
เชื่อมั่นในลูกทีม
ทีมชาติสเปน ของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต เปลี่ยนโผตัวจริงชุดที่ไล่ต้อน ทีมชาติโครเอเชีย 3-0 ตัวเดียวคือ อายเมอริก ลาปอร์กต์ กองหลังเชื้อสายเฟร้นช์ที่ค้าแข้งใน ซาอุดีอาระเบีย หายเจ็บกลับมา ทำให้คู่เซนเตอร์แบ็กนาทีนี้นั้นต้องยืนกับ โรบิน เลอ นอร์มอง
ขณะที่ อัลบาโร่ โมราต้า กัปตันทีม และ โรดรี้ มิดฟิลด์คนสำคัญจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สลัดปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อยหลังนัดแรก ลงซ้อมได้เต็มรูปแบบ ตลอดจน มาร์ก กูกูเรย่า, นิโก้ วิลเลี่ยมส์ และเจ้าหนู ลามีน ยามาล วัยเพียง 16 ขวบได้ลุยต่อ ส่งผลให้ ดานี่ โอลโม่ กับ อเล็กซ์ กริมัลโด้ ต้องนั่งสำรองไปก่อน
11 ผู้เล่นตัวจริง ทีมชาติสเปน มาในระบบ 4-3-3 : อูไน ซิม่อน, ดานี่ การ์บาฆาล, โรบิน เลอ นอร์มอง, อายเมอริก ลาปอร์กต์, มาร์ค คูคูเรญา, ฟาเบียน รุยซ์, โรดรี้, เปดรี้, ลามีน ยามาล, อัลบาโร่ โมราต้า (กัปตันทีม) และ นิโก้ วิลเลียมส์
เกมนี้ทีมที่คว้า 3 คะแนนสำคัญมาได้จะการันตีเข้ารอบต่อไปทันที
เปิดก่อนได้ปูด
เกมเริ่มได้เพียงนาทีเศษเป็นทาง นิโก้ วิลเลียม เปิดบอลจากซ้ายโค้งเข้าหัว เปดรี้ แต่ยังติดเซฟของ ดอนนารุมมา พลาดทำประตูขึ้นนำก่อน ถัดมาในนาทีที่ 9 สเปน ทำเกมสวนเร็วเป็น อัลบาโร โมราต้า เปิดแต่ นิโก้ วิลเลียมส์ โหม่งจ่อ ๆ ออกไปอย่างน่าเสียดาย เกมในช่วงครึ่งเวลาแรกยังคงเป็น ทัพกระทิงดุ บุกโหมใส่ ขุนพลมักกะโรนี แต่ยังเสมอกัน 0-0
ครึ่งเวลาหลังเริ่มเกมมาได้ไม่นานในนาทีที่ 51 มาร์ค คูคูเรญา เปิดบอลเลียดจาดทางฝั่งซ้ายตวัดกลับมาให้ เปดรี้ ยิงจ่อ ๆ อีกครั้ง ทว่ายิงออกเองไปอย่างเหลือเชื่อ แต่ไม่นาน นิโก้ วิลเลียมส์ เปิดจากกาปซ้ายให้ อัลบาโร โมราต้า โหม่งเช็ด ส่งผลให้ไปโดน ริกการ์โด กาลาฟีโอรี ส่งผลให้ ทีมชาติสเปน ขึ้นนำก่อน 1-0
ถัดมาในนาทีที่ 70 นิโก้ วิลเลียมส์ คนเดิมลากกระชากจากฝั่งซ้ายก่อนตัดเข้าในยิงคานสั่นพลาดขึ้นนำอีกครั้ง ไม่นานนาทีที่ 73 ทีมชาติอิตาลี ได้ฟรีคิกระยะน่าลุ้นแต่เป็น โลเรนโซ เปลเลกรีนี ยิงหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ครึ่งเวลาหลัง ทีมชาติอิตาลี พยายามขึ้นเกมบุกหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จบเกมเป็น ทีมชาติสเปน เอาชนะไปด้วยสกอร์ 1-0
มองถึงเกมหน้า
แม้เกมนี้ ทัพกระทิงดุ จะทำได้ดีกว่าเอาชนะ ขุนพลมักกะโรนี 1-0 แต่พวกเขาก็ยังมีภารกิจต่อไปในเกมหน้าในการดวลกับ "ทัพอินทรีแดงดำแห่งยุโรป"
เกมหน้าของพวกเขานั้นบอกเลยว่าไม่ง่ายในการเจอกับ ทีมชาติแอลเบเนีย เพราะย้อนดูเกมแรกที่เจอกับ ทีมชาติอิตาลี ทำเซอร์ไพรส์ หลังยิงประตูขึ้นนำตั้งแต่ 23 วินาทีแรก แต่ก็โดน ขุนพลมักกะโรนี ยิงคืน 2 ประตู แพ้ไป 1-2
ถัดมาเกมที่ 2 พวกเขาก็สร้างเซอร์ไพร์อีกครั้งในการเจอกับยอดทีมจอมเก๋าอย่าง ทีมชาติโครเอเชีย ในนาทีที่ 11 เป็นทาง แอลเบเนีย ที่ได้ประตูขึ้นนำก่อนจาก กาซิม ลาซี่ ก่อนจะมาโดน ทัพหมากรุกพิฆาต รัว 2 ประตูในนาทีที่ 74,76 และช่วงทดเวลาพวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ มาตามตีเสมอได้สำเร็จ จากการยิงของ เคล้าส์ จาซูล่า ตีเสมอ 2-2 พร้อมจบเกมด้วยสกอร์นี้
เห็นได้ชัดว่าเกมหน้าของ ทัพอินทรีแดงดำแห่งยุโรป พวกเขาเรียกได้ว่า “ไม่มีอะไรต้องเสีย” เชื่อว่าเกมหน้าที่จะถึงนี้พวกเขาต้องเปิดเกมรุกใส่ ทัพกระทิงดุ ไวแน่นอนเหมือนดั่งที่เคยทำเมื่อ 2 เกมที่แล้ว ซึ่งหาก ทีมชาติสเปน ประมาทอาจจะเสร็จพวกเขาได้
สำหรับโปรแกรมถัดไปของ ทีมชาติสเปน จะดวลกับ ทีมชาติแอลเบเนีย ที่สนามสนามกีฬาแมร์คัวร์ สเปียล วันที่ 25 มิถุนายน เวลา 02:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
ต้นฉบับของบทความนี้เผยแพร่ภายใต้ 90min.com/TH ที่ชื่อ ทีมชาติสเปน 1-0 ทีมชาติอิตาลี : เก็บตกประเด็นหลังเกม ยูโร 2024 กระทิงดุ บุกชนะ ขุนพลมักกะโรนี .
